“คุมะ” ไกด์นำทาง สอนเราโดยใช้หมวกกันน็อกตักน้ำที่ใสสะอาดจากแม่น้ำใส่หัวพวกเรา ในช่วงเดือนสิงหาคมที่อากาศร้อน น้ำเย็นๆ ช่วยให้เราสดชื่นขึ้นมาได้ทันใด คณะเดินทางของเราในชุดแคนย่อนนิ่งพร้อมที่จะเริ่มภารกิจผจญภัยสู่น้ำตกฮิดะ-โอซาก้า สถานที่ธรรมชาติในญี่ปุ่นทางตอนเหนือของกิฟุ ที่นี่คือจุดพักจุดแรกของทริปทั่วทั้งกิฟุที่กินเวลาหลายวัน แม้จะเป็นจุดแรกแต่ก็ทำให้ผมสัมผัสถึงความเป็นหนึ่งเดียวเมื่อเรามุ่งหน้าไปยังจุดหมายด้วยกัน ซึ่งนั่นก็คือน้ำตกที่สูงเหนือแม่น้ำกว่า 1,000 เมตร
การผจญภัยกิจกรรมในธรรมชาติของกิฟุนั้นดึงดูดผู้มาเยือนที่ตั้งใจจะหากิจกรรมและการผ่อนคลาย กิจกรรมกลางแจ้งอันเป็นขุมทรัพย์ที่ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานซึ่งได้รับการปกปักรักษาโดยผู้คนในท้องถิ่นนี้ทำให้หลายคนต่างมุ่งหน้ามาที่นี่ ผู้ที่รักการผจญภัยกลางแจ้งจะได้รับความท้าทายและความตื่นเต้นเร้าใจที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณของพวกเขา ทั้งการปีนเขา เดินป่า ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของความน่าหลงใหล แต่ถ้าหากคุณอยากจะพักผ่อนละก็ ก็มีกิจกรรมอื่นให้ได้ผ่อนคลาย อย่างการนอนแหงนหน้าดูท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ นั่งกระเช้าลอยฟ้าเหนือทะเลเมฆ หรือบำบัดความตึงเครียดด้วยธรรมชาติจากผืนป่า
คุณสามาถเลือกผจญภัยด้วยตัวเอง หรือใช้บริการไกด์นำเที่ยว เพื่อท่องเที่ยวแม่น้ำ ภูเขา หรือชมทัศนียภาพของพื้นที่การเกษตร ไม่ว่าจะกิจกรรมไหน อย่าพลาดการปิดวันอย่างสวยงามด้วยการแช่บ่อน้ำพุร้อนที่อุดมด้วยแร่ธาตุจากเทือกเขาเจแปนแอลป์
ตะลุยเส้นทางแม่น้ำและน้ำตก
ระหว่างเดินและบุกบั่นเส้นทางตามแม่น้ำในช่องเขาแคบๆ ผมรู้สึกประทับใจกับหินผาที่ถูกลาวาเมื่อ 50,000 ปีที่แล้วกัดเซาะปั้นแต่งเป็นรูปเป็นร่างสวยงามอย่างมาก ระหว่างทางมีเจ้ากบจ้องมองผมและกระโดดยั่วเย้าไปในแม่น้ำ ทำให้ผมอยากจะทำอย่างมันเสียเหลือเกิน ผมจึงกระโจนลงไปในแม่น้ำ แล้วค่อยๆ ลอยไปยังน้ำตก ด้วยความช่วยเหลือของอุปกรณ์ทำให้ผมสามารถลอยตัวได้ เมื่อได้หงายหน้าลอยน้ำ ชื่นชมแสงแดดที่ลอดผ่านต้นไม้ ถือเป็นชั่วขณะอันสงบเงียบที่ชวนให้อิ่มเอมใจ
พวกเราเตรียมตัวเดินขึ้นน้ำตกอีกครั้ง ไกด์นำทางของเรา ได้แก่ จุน คุมาซากิ หรือคุมะ (ซึ่งแปลว่า หมี) และทาคาโนริ โคเมโนะ หรือโคเมะ (แปลว่า ข้าว) ได้สอนวิธีปีนโดยสาธิตการใช้มือยึดเกาะและการวางเท้าอย่างละเอียด คุมะเคยพิชิตเส้นทางนี้กว่า 1,000 ครั้ง จึงรู้จักหินทุกก้อนและรอยแตกทุกแห่งเป็นอย่างดี ทำให้ไม่ว่าผู้ร่วมทริปแคนยอนนิ่งจะมีความชำนาญระดับไหน ก็สามารถเพลิดเพลินและมั่นใจได้ ด้วยความดูแลของไกด์นำทางผู้สร้างความผ่อนคลายและเป็นกันเองแก่พวกเรา
คุมะและทีมจากน้ำตกฮิดะ-โอซาก้ายังเป็นผู้เคลื่อนไหวเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศของท้องถิ่นด้วย เขาอธิบายว่า “เหตุผลหลักที่ทำให้ผู้คนเลือกมาเที่ยวพื้นที่นี้ในญี่ปุ่นคือเพื่อที่จะได้สัมผัสประสบการณ์ธรรมชาติที่แท้จริง พื้นที่นี้ได้รับการรักษาให้คงความบริสุทธิ์ เพื่อลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปจะได้ชื่นชมด้วยตนเอง”
กว่าครึ่งชั่วโมงที่เราได้ผจญภัยทางน้ำอย่างสมบุกสมบัน เราก็ถึงจุดหมาย เราได้เห็นภาพน้ำตกอันน่ามหัศจรรย์ ซึ่งต้อนรับเราด้วยพลังของน้ำที่กระทบหินเป็นเสียงดังกึกก้อง ผมยืนอยู่บนน้ำตกอันเป็นจุดหมายสุดท้ายของเส้นทางด้วยความรู้สึกสุดแสนประทับใจ ตอนนั้นผมได้ขีดฆ่ารายการสิ่งที่ต้องทำไปหนึ่งอย่างแล้ว
ไม่มียาใดวิเศษไปกว่าธรรมชาติ
เมื่อสิ้นสุดการผจญภัยรายการแรก เราเคลื่อนตัวเดินทางต่อเข้าไปยังตอนในของจังหวัดกิฟุ กว่าสี่ในห้าส่วนของพื้นที่เป็นป่าอันเงียบสงบ หุบเขาที่ปลีกตัวจากโลกภายนอก และภูเขาสูงลิ่ว สิ่งแวดล้อมอันบริสุทธิ์เป็นแหล่งที่ผู้คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวสามารถเก็บเกี่ยวความยั่งยืนจากอากาศบริสุทธิ์เย็นสบายที่สูดเข้าไป
เราวางแผนที่จะผ่อนคลาย รวมทั้งฟื้นฟูร่างกายและจิตใจในหมู่บ้านทาเนคุระที่ฮิดะ ทันทีที่มาถึง เราได้รับการต้อนรับด้วยเสียงนกร้องและกรุ่นกลิ่นจากธรรมชาติ เราเดินทางต่อไปยังทาเนคุระอินน์ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับคืนนี้
ทาเนคุระอินน์เป็นอาคารแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นที่ถูกสร้างมากว่า 100 ปี มีสองชั้นกับสามห้อง ล้อมรอบด้วยโรงเก็บของอิตาคุระซึ่งถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นที่พักส่วนตัวสองชั้น เราได้รับการต้อนรับจากเซนดะ โยโกะ ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งผู้ต้อนรับ เชฟ และผู้ดูแลที่พัก
ในอาคารหลักของที่นี่ มีการเสิร์ฟอาหารค่ำในห้องส่วนกลางซึ่งมีเตาแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า อิโรริ คอร์สอาหารค่ำมื้อใหญ่นี้ใช้วัตถุดิบที่ได้จากหุบเขาโดยรอบ โยโกะนำเสนออาหารราวกับสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยบรรยายความหมายและส่วนประกอบของทุกๆ สิ่งที่เรารับประทาน เธออธิบายว่า “คอนเซ็ปต์ของทาเนคุระอินน์คือการดีท็อกซ์ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ เราชำระล้างร่างกายโดยรับประทานอาหารที่เก็บเกี่ยวจากท้องถิ่น และใช้ส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อระบบร่างกาย อาหารแต่ละมื้อได้รับการปรุงอย่างประณีตจากธัญพืชและผักที่ปลูกในชุมชน ทั้งยังผสานกับสมุนไพรซึ่งมีสรรพคุณที่ช่วยเรื่องปัญหาสุขภาพ เช่น อาการอาหารไม่ย่อยและความดันโลหิตสูง”
หลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว ผมก็ตรงไปยังอ่าง ฮิโนกิ (ต้นไซปรัส) ที่มีกลิ่นไม้และดอกไม้ตลบอบอวลไปทั่ว เมื่อผมแช่ลงไป ผมรู้สึกได้ล่องลอยเข้าสู่ภาวะการผ่อนคลายอย่างแท้จริง คณะเดินทางของเราผลัดกันแช่น้ำขณะที่คนอื่นๆ ก็นั่งพูดคุยกันเบาๆ พร้อมเพลิดเพลินกับเครื่องดื่มในห้องส่วนกลาง เมื่อเราผลัดกันไปแช่จนครบแล้ว หลังจากนั้นพวกเราสวมชุดยูกาตะ และ รองเท้าเกี๊ยะ ออกไปเดินด้านนอกตามทาง ท่ามกลางความมืดโดยอาศัยเพียงแสงจากโคมไฟของผู้นำทางเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น เมื่อเราเดินห่างออกมาจากอาคาร ผู้ดูแลของเราได้หรี่ตะเกียงลงจนความมืดก็ห้อมล้อมเรา พวกเรานอนลงบนเสื้อพื้นนุ่ม รอให้สายตาปรับสภาพกับความมืด และแล้วภาพทางช้างเผือกอันสง่างามยากจะบรรยายก็ปรากฏต่อหน้า ซึ่งนั่นทำให้ผมพบกับความอัศจรรย์อีกครั้งจากทริปผจญภัยอันยิ่งใหญ่นี้
เช้าวันถัดมา เรารับประทานอาหารเช้าพร้อมฟังเรื่องราวเกี่ยวกับหุบเขา โยโกะแนะนำให้เราออกไปพบปะผู้คนท้องถิ่น เธอย้ำเกี่ยวกับความสำคัญของการ “อยู่เฉยๆ” เพื่อชำระล้างจิตวิญญาณของเราต่อไป ผมสัมผัสได้ถึงความสงบขณะเดินอยู่ในท้องนา และได้ฟังนกและจิ้งหรีดส่งเสียงเพรียกร้อง ใกล้ๆ กันนั้นมีชายคนหนึ่งกำลังพักผ่อนจากการทำงาน เขาโบกมือให้ผมอย่างเป็นมิตรก่อนที่จะไปทำงานในทุ่งนาต่อ ในหุบเขานี้มีคนอาศัยอยู่น้อยกว่า 20 คน กระนั้นพวกเขาก็คุ้นเคยกับการมีนักท่องเที่ยวมาเยือน ผมเดินทางต่อขึ้นไปบนเนิน และมองย้อนกลับมายังหมู่บ้าน บ้านไม้ราวสิบกว่าหลังที่ตั้งอยู่ลึกเข้าไปในป่าของหุบเขา ล้อมรอบด้วยเทือกเขาเจแปนแอลป์ เป็นทัศนียภาพที่ตราตรึงใจเป็นอย่างมาก
หมู่บ้านและชุมชนในภูเขานี้ถูกเรียกว่าดินแดนอันบริสุทธิ์ เพราะที่นี่ยังคงสภาพเดิมแม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป หลักปรัชญาของ ซาโตยามะ ที่ว่าด้วยการอยู่ร่วมกับธรรมชาติยังคงได้รับการยึดถืออย่างมั่นคง ในที่แห่งนี้ การอุทิศให้แก่การปกปักรักษาชนบทนั้นเข้มข้นยิ่งกว่าเป้าหมายการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนทั่วๆ ไป หลักในการอยู่ร่วมกับธรรมชาติของชาวญี่ปุ่นนั้นหยั่งรากลึกลงในวิถีชีวิตประจำวันของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิฟุ ที่ซึ่งการให้ความเคารพธรรมชาติที่บริสุทธิ์นั้นได้รับการปฏิบัติอย่างจริงจัง คนท้องถิ่นบางคนอยู่ที่นี่มาทั้งชีวิตของพวกเขา ทั้งยังมีผู้คนจากที่อื่นที่ประทับใจวิถีชีวิตของที่นี่จนกระทั่งถือว่าที่นี่เป็นบ้านของพวกเขาเลยทีเดียว เมื่อเราเดินทางออกจากหุบเขานี้ เราตั้งใจจะศึกษาความหมายและหลักปรัชญา โดยหาประสบการณ์แบบซาโตยามะจากที่อื่นๆ ต่อไป แต่ ณ ตอนนี้ ผมก็เริ่มเข้าใจภาพรวมของหลักปรัชญานี้แล้ว
การเดินทางไปยังชนบทครั้งนี้ ทำให้ได้สัมผัสถึงหลักปรัชญาของซาโตยามะด้วยการปฏิบัติจริง
คณะของเราเดินทางต่อไปยังฮิดะ-ฟุรุคาวะ ขุมสมบัติเร้นลับแห่งเมืองนี้ แม้ว่าประชากรจะหนาแน่นขึ้น เราก็ยังคงสังเกตได้ถึงวัฒนธรรมที่โดดเด่นและความสวยงามของชนบทที่แยกตัวออกจากเมืองใหญ่และอิทธิพลภายนอกมากว่าหลายร้อยปี ท้องถนนอันเงียบสงบไม่ถูกรบกวนจากนักท่องเที่ยวหรือการจราจรแต่อย่างใด หมู่บ้านนี้ราวกับเลือนหายไปในภูเขา ดินแดนแห่งนี้สะท้อนถึงปรัชญาของซาโตยามะอย่างชัดเจน ในเรื่องที่ว่าด้วยการดูแลและพึ่งพาธรรมชาติรวมทั้งพื้นที่เกษตรโดยรอบในการดำรงชีวิตประจำวัน
เป้าหมายของเราคือการเรียนรู้วิถีชีวิตแบบซาโตยามะ โดยการเช่าจักรยานเพื่อสัมผัสประสบการณ์ชนบทของญี่ปุ่นให้สายลมได้ปะทะใบหน้า ขณะที่ออกเดินเพื่อทำภารกิจต่อไปที่ถนนสายหลักในกลางเมืองฮิดะ-ฟุรุคาวะ เราได้ชมบ้านเมืองโดยรอบ ผังเมืองและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมที่ตั้งเรียงรายบนถนนและคลองนั้นได้รับการออกแบบโดยช่างมืออาชีพโดยใช้ไม้ซุงจากท้องถิ่น
ตลอดทั้งปีจะมีการนำเที่ยวโดยทาคุ ยามาดะ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ SATOYAMA EXPERIENCE และทีมงานของเขาซึ่งประกอบด้วยไกด์ภาษาต่างๆ ที่รู้จักพื้นที่ตอนกลางของญี่ปุ่นนี้เป็นอย่างดี เขาอธิบายว่าหากจะทำความเข้าใจปรัชญาแบบซาโตยามะ เราต้องสำรวจพื้นที่ชนบทเพื่อศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่ร่วมกับธรรมชาติโดยรอบอย่างกลมกลืน ทาคุอธิบายว่า “เมื่อคุณสำรวจชนบท จะเห็นบ้านและพื้นที่เกษตรในฮิดะ-ฟุรุคาวะ แต่เราอยากให้คุณมองลึกลงไปถึงวัฏจักรธรรมชาติ และการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ”
ไกด์นำเที่ยวของเราในวันนี้ซึ่งมีชื่อว่าโช เขาได้ช่วยเราเตรียมจักรยาน พร้อมอธิบายและสาธิตกิจกรรมสั้นๆ ก่อนออกเดินทาง หลังจากพวกเราดื่มน้ำเสร็จ เราก็เริ่มขี่จักรยานเรียงแถวออกจากเมือง การเดินทางครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์หลายชั่วโมงที่ทำให้ประทับใจไม่รู้ลืม
เมื่อเราเริ่มออกเดินทาง ประสบการณ์หลายอย่างย้ำเตือนให้เรานึกถึงหลักปรัชญาแบบซาโตยามะ พวกเราหยุดพักในบ้านแบบดั้งเดิม และเติมน้ำจากน้ำพุใส่ขวด น้ำที่ไหลตลอดทั้งปีนี้ได้รับการดูแลรักษาโดยแต่ละบ้าน แต่พวกเขาก็ยินดีที่จะให้ทุกคนได้ดื่ม เราขี่จักรยานผ่านทุ่งนาอันเขียวขจีในหน้าร้อน ชาวนาที่กำลังทำนามักจะเงยหน้าขึ้นมองและโบกมือให้กลุ่มจักรยานที่กำลังขี่ไปบนเส้นทางแคบๆ เราผ่านโรงเรียนเล็กๆ เห็นเด็กๆ ที่กำลังเล่นและทำกิจกรรมในสวนขนาดย่อมโบกมือให้เราอย่างเริงร่า ซึ่งเราก็ได้พบว่าเด็กๆ สามารถเดินกลับบ้านเองได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องมีใครดูแล จากนั้นเราหยุดพักรับประทานอาหารกลางวัน ซึ่งเป็นเมนูเส้นสไตล์ท้องถิ่น จับคู่กับวัตถุดิบสดใหม่จากหุบเขา และชมสินค้าท้องถิ่นในตลาดของเกษตรกร
หนึ่งในจุดหมายท้ายๆ เป็นสถานที่โปรดของทาคุ นั่นคือวัดที่ซ่อนตัวในป่า เขาเล่าว่าแม้ว่าตัววัดอาจดูไม่อลังการเท่าวัดใหญ่ๆ ในโตเกียวหรือเกียวโต แต่วัดนี้เป็นสิ่งที่เชื่อมโยงพื้นที่ทั้งหุบเขานี้เข้าด้วยกัน และยังมีความหมายอันลึกซึ้งต่อผู้เคารพสักการะ เราทำการสักการะก่อนจะกลับไปยังตัวเมืองพร้อมด้วยจิตวิญญาณและหน้าตาอันผ่องแผ้วสดใส
ทาคุอธิบายว่า “สถานที่ท่องเที่ยวนี้ไม่ได้จำกัดอยู่ที่จุดหมายปลายทางเพียงจุดเดียว แทนที่จะเป็นอย่างนั้น เรานำเสนอการเปิดโลกชนบทของญี่ปุ่น เพื่อหวังว่าผู้มาเยือนจะได้รับประสบการณ์ที่ลึกซึ้งและมีความหมาย ซึ่งจะกระตุ้นให้พวกเขาได้มีปฏิสัมพันธ์ ได้ตั้งคำถาม และมีโอกาสได้สัมผัสวิถีชีวิตที่ยั่งยืนด้วยตนเอง” ประสบการณ์การพบเห็นผู้คนที่ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาตินั้นสามารถสร้างแรงกระตุ้นและแรงบันดาลใจให้กับผู้มาเยือนได้ นั่นทำให้ผมอยากใช้เวลาเพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่ และมุ่งหมายที่จะกลับไปดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในชุมชนของผมเองด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างบนภูเขาล้วนดีกว่า
เราย้ายจากหุบเขาขึ้นไปบนภูเขาสูงเฉียดเมฆ กิฟุเป็นที่ตั้งของห้าในสิบของภูเขาที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น แต่ละลูกสูงกว่า 3,000 เมตร นับว่าโชคดีเป็นอย่างยิ่งที่ปัจจุบันมีถนนและกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปบนภูเขา จึงไม่จำเป็นต้องปีนขึ้น นอกเสียจากว่าเราอยากจะลองปีนจริงๆ
กระเช้าลอยฟ้าชินโฮตากะ เป็นความสำเร็จอันน่าจดจำของวิศวกรรมสิ่งลอยฟ้าที่ได้รับการปรับปรุงครั้งใหม่ในปี 2020 ความพิเศษอยู่ที่มันเป็นกระเช้าสองชั้นแห่งเดียวในญี่ปุ่น ก่อนจะถึงยอดเขาประมาณ 2,200 เมตร คุณสามารถชมวิวโดยรอบได้ 360 องศา นักท่องเที่ยวจะได้ชื่นชมภาพมุมกว้างเต็มๆ ของเทือกเขาเจแปนแอลป์ตอนเหนือ ซึ่งรวมถึงยอดเขาโฮตากะที่สูงเป็นอันดับสามของญี่ปุ่น ในฤดูร้อนจะเห็นภูมิทัศน์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ป่า และพืชพรรณแบบอัลไพน์ ขณะที่ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิงในฤดูใบไม้ร่วง และกลายเป็นดินแดนหิมะที่สวยงามน่ามหัศจรรย์ในฤดูหนาว บนยอดเขามีจุดชมวิวที่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจ และยังเป็นสถานที่เริ่มต้นของจุดปีนเขาในระดับสูง
คณะเดินทางของเราเลือกคอร์สสแตนดาร์ด เป็นเส้นทางเดินสบายๆ ประมาณหนึ่งชั่วโมง เราได้สัมผัสอากาศเย็นสบายและทางเดินซึ่งเป็นดินนุ่มๆ ที่นำพาเราเข้าไปในป่าลึก เสียงธรรมชาติแผ่วเบา ยั่วล้อไปกับใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมาบนหัวของเรา ตลอดเส้นทางร่มรื่นด้วยต้นไม้ซึ่งช่วยบังเราจากแสงแดด ภาพที่เห็นนี้เป็นสิ่งเดียวกับที่นักบวชผู้ธุดงค์บนภูเขาภาคภูมิใจ
สำหรับผู้ที่ใฝ่หาที่ปีนเขาและเดินป่า ก็มีเส้นทางให้เลือกมากมาย เราผ่านเกสต์เฮาส์สำหรับนักผจญภัยผู้อยากดื่มด่ำธรรมชาติสามารถมาค้างคืนและรับประทานอาหารได้ ส่วนที่พักของพวกเราเป็นเรียวกังด้านล่างภูเขา ที่นั่นพร้อมสรรพด้วยบ่อน้ำพุร้อนกลางแจ้งสำหรับผ่อนคลายกล้ามเนื้อ อันเป็นกิจกรรมปิดท้ายทริปของเราอย่างสวยงาม
แผนการท่องเที่ยวไปยังใจกลางจังหวัดกิฟุเปิดโลกของผมสู่แง่มุมด้านธรรมชาติของญี่ปุ่น ชีวิตในเมืองนั้นไม่อาจมอบมุมมองสู่ความยั่งยืนได้ ดังนั้น การใช้เวลาสองสามวันในชุมชนของฮิดะเป็นสิ่งที่ทำให้ผมเกิดความกระจ่างแจ้ง การอุทิศตนให้แก่การรักษาหลักดำเนินชีวิตแบบซาโตยามะในยุคปัจจุบันนี้ช่วยสร้างแรงบันดาลใจและแง่มุมที่โดดเด่น ซึ่งสิ่งนี้นี่เองที่เชิญชวนให้ผู้มาท่องเที่ยวต่างติดใจกับการเดินทางที่ราวกับไร้กาลเวลาเช่นนี้